วิ่งอย่างไรให้ได้สุขภาพ [Healthy Living] - ริวอลิอันซ์อยุธยา



Browsing this Thread:   1 Anonymous Users



Bottom   Previous Topic   Next Topic  Register To Post



วิ่งอย่างไรให้ได้สุขภาพ
#1
Webmaster


Benutzerinformationen
Joined:
2014/5/21 20:20
Posts: 258
Offline
Resized Image


Run Run Run! For Helthy

ปัจจุบันเทรนการออกกำลังกายเริ่มเพิ่มมากขึ้น ทั้งการปั่นจักรยาน การเล่นฟิตเนส การเข้ายิม
หรือการวิ่งที่เห็นได้ชัดนอกจากกิจกรรมการปั่นจักรยานที่เริ่มมีการจัดบ่อยครั้งมากขึ้น ก็มีการวิ่งมาราธอน
ที่จัดกันแทบตลอดทั้งปีเลยทีเดียว สังคมคนเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ก็หันมาสนใจการวิ่ง
กันมากขึ้นแต่เราจะวิ่งอย่างไรให้ได้ประโยชน์ วิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี และได้สุขภาพที่แข็งแรง ลองมาดูกันดีกว่า

1.การหายใจ - หลายคนอาจจะคิดว่า ก็หายใจตามปกติไม่ใช่เหรอ ต้องมีเทคนิคอะไรด้วยเหรอ
โดยปกตินั้นเราจะหายใจเข้าออกเป็นแบบ 1-1 คือ หายใจเข้า 1 ครั้ง หายใจออก 1 ครั้งแต่ใน
การวิ่งนั้นจะมีวิธีการหายใจที่ทำให้ช่วยให้เราวิ่งได้นานขึ้น และเหนื่อยน้อยลง คือการหายใจ
เข้า-เข้า 2 ครั้ง แล้วจึงหายใจออก-ออก 2 ครั้งเช่นกัน หากฝึกจนชำนาญแล้ว ให้เพิ่มเป็นหายใจ
เข้า-เข้า-เข้า 3 ครั้ง และ ออก-ออก-ออก 3 ครั้ง จะทำให้เราสามารถวิ่งได้อย่างไม่ติดขัด และ
สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางได้โดยที่เหนื่อยน้อยลงมากๆ

2.การก้าวขา - หากเริ่มหัดวิ่งใหม่ๆให้พยามก้าวขาสั้นๆ อย่าให้เลยหัวเข่าเพราะจะทำให้ร่างกาย
รับภาระหนักและเหนื่อยเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และในการก้าวแต่ละก้าวควรลงให้เต็มฝ่าเท้า ไม่ควร
วิ่งลงด้วนส้นเท้า เพราะจะทำให้สมดุลของร่างกายเสียได้ เวลาวิ่งควรฟังเสียงเวลาเท้าแตะพื้นถ้า
ได้ยินเสียงกระแทกดังๆ แสดงว่าท่าวิ่งอาจจะผิดได้

3. ช่วงเวลาที่ดีในการวิ่ง - จริงๆแล้วการวิ่งสามารถวิ่งเวลาใดก็ได้ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
เช่นช่วงเช้าเป็นช่วงที่เราจะได้อากาศดีๆ แดดไม่ร้อนร่างกายจะสดชื่น สามารถวิ่งได้นานที่สุด แต่อาจ
จะต้องวอร์มร่างกายนานซักนิดเนื่องจากเราพึ่งตื่นนอน ร่างกายพึ่งตื่นจากการพักผ่อน หากวิ่งในช่วง
กลางวันก็จะทำให้ร่างกายเข็งแรงขึ้นอึดขึ้นระบบไหลเวียนของเหงื่อทำงานได้ดี แต่แดดอาจจะร้อน
และเหนื่อยกว่าปกติ ส่วนในช่วงเย็นหากเราสามารถวิ่งหลังทานอาหารเย็นซัก 1 ชม. โดยที่ไม่ทาน
ของหนักท้องมากนัก เน้นพวกโปรตีน และผัก ก็จะทำให้เราวิ่งได้ดีและไม่เหนื่อยง่ายใครถนัดช่วงไหน
ก็ลองเลือกวิ่งกันดู

4.การวิ่งช้าๆ เดิน สลับ วิ่ง - หากคุณเป็นนักวิ่งมือใหม่ หรือพึ่งเริ่มต้นไม่ควรที่จะฝืนวิ่งอย่างเดียว
เพราะจะทำให้วิ่งได้น้อยลงและเหนื่อยง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายว่าจะต้องวิ่งได้กี่นาที ให้วิ่ง
สบายๆ เดินสลับวิ่ง จะช่วยให้รู้สึกสนุกและวิ่งได้มากขึ้น
5.การฝึกวิ่งเร็ว - เราควรฝึกวิ่งเร็วบ้างหากพอจะวิ่งชำนาญแล้ว การวิ่งเร็วแบบจับเวลา จะช่วย
เสริมสร้างสมรรถนะของร่างกายอย่างก้าวกระโดด คุณจะวิ่งได้นานขึ้น และอึดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
จากการฝึกวิ่งเร็วเพียววันละ 1-2 นาที

6.สัญญาณอันตรายที่ควรหยุดวิ่งทันที - ลักษณะอาการเหล่านี้หากเกิดขึ้นแล้วให้ชะลอความเร็ว
และหยุดวิ่งทันที เช่น เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้หรือหน้ามืดเป็นลม , รู้สึกคล้ายหายใจไม่ทัน
หรือหายใจไม่ออก , ใจสั่น แน่น เจ็บบริเวณหน้าอก , ลมออกหู หูตึงกว่าปกติ , การเคลื่อนไหว
ร่างกายควบคุมไม่ได้ หากเกิดอาการเหล่านี้ หลังจากที่หยุดวิ่งและพักแล้ว ในวันต่อๆไปให้ลด
ความเร็วในการวิ่ง และ ระยะทางลง เนื่องจากร่างกายอาจจะรับไม่ไหว แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มกลับมา
วิ่งเท่าเดิมในสัปดาห์ถัดๆมาในงานวิ่งมาราธอนต่างๆที่จัดกันทั่วไปนั้นจะมีพยาบาล และจุดบริการ
อยู่อย่างพอเพียง การวิ่งในงานต่างๆเหล่านี้จึงน่าสนใจไม่น้อยสำหรับเหล่าบรรดานักวิ่งทั้งมือใหม่
และมือเก๋า เพราะนอกจากจะได้พบปะบรรดาเพื่อนๆนักวิ่งแล้ว ยังอาจจะได้รางวัลแถมติดมือกลับมาด้วย

Cr: azayagency
Cr: ภาพจาก truelife.com

Posted on: 2015/11/27 16:53
Print Twitter Facebook Google Plus Linkedin Del.icio.us Digg Reddit Mr. Wong Top








[Advanced Search]


Like and Comments


Recommended

http://www.20insure.com/S6S1635/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8